วีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย คือ วีซ่าหรับผู้ที่ต้องการไปอยู่กับคนรักหรือคู่สมรสซึ่งเป็นชาวออสเตรเลียที่ประเทศออสเตรเลียด้วยกันอย่างถาวร โดยวีซ่าประเภทนี้จะหมายความรวมถึงคู่รักที่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย (คือมีใบทะเบียนสมรส) และคู่รักที่อยู่กินร่วมกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันด้วย (De Facto)
“ดังนั้น หากอ่านบทความนี้แล้วเจอคำว่า “คู่สมรส” ให้คุณคิดไว้ในใจด้วยว่ามันรวมทั้งจดทะเบียนสมรสกันและไม่จดทะเบียนด้วย”
โดยบทความนี้จะแนะนำขั้นตอนและรายการเอกสารเกี่ยวกับการทำวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย หรือภาษาแบบเป็นทางการจะเรียกว่า Partner visa เพื่อให้คุณผู้อ่านเข้าใจในเชิงลึกหรือมีความเข้าใจดีขึ้น เพราะการทำวีซ่าประเภทนี้คนสมัครต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่ามีความยุ่งยากและซับซ้อนกว่าวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียแน่นอน
การทำวีซ่าประเภทนี้จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยอิงตามสถานที่ที่ทำวีซ่า กล่าวคือ
- ผู้สมัครที่ยื่นใบสมัครในประเทศออสเตรเลียนั้น จะต้องสมัครวีซ่าคู่สมรสใน Subclass 820/801
- ผู้สมัครที่ยื่นใบสมัครจากนอกประเทศออสเตรเลีย จะต้องสมัครวีซ่าคู่สมรสใน Subclass 309/100
ดังนั้น ผู้ที่ประสงค์จะยื่นขอวีซ่าประเภทนี้ในขณะที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจะต้องยื่นวีซ่าคู่สมรสใน Subclass 309/100 โดยสมัครออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.online.immi.gov.au
และบทความที่เราจะเขียนต่อไปนี้ เราเขียนบนสมมุติฐานว่าคุณผู้อ่านอยู่ในประเทศไทย เพราะส่วนใหญ่คนไทยก็จะสมัครจากประเทศไทยนั้นเอง
อนึ่ง เราขอแนะนำให้คุณ อ่านบทความเกี่ยวกับวีซ่าท่องเที่ยวประกอบด้วย เพื่อเป็นการทำความเข้าใจพื้นฐานหรือมุมมองของวีซ่าแต่ละประเภท: วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย
เอาละ เราค่อยๆ ไปทำความรู้จักและลงรายละเอียดกันเลย
“เนื่องจากบทความค่อนข้างยาวหลายกิโล เราแนะนำให้กดปุ่มแชร์ด้านบนไว้ เพื่อย้อนกลับมาหาอ่านได้ง่ายขึ้นนะ”
ความแตกต่างของวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลียใน Subclass 309 และ Subclass 100
- Partner (Provisional) Visa Subclass 309 – เป็นวีซ่าคู่สมรสแบบชั่วคราวที่ต้องสมัครจากนอกประเทศออสเตรเลียเท่านั้น ผู้ที่ได้รับวีซ่านี้สามารถเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียเพื่ออยู่กับคู่สมรสได้ทันที
แต่ในระหว่างนั้นยังต้องรอการอนุมติวีซ่า Subclass 100 เพื่อเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็นวีซ่าคู่สมรสแบบถาวรต่อไป
วีซ่าประเภทนี้จะหมดอายุก็ต่อเมื่อผู้สมัครได้รับการอนุมัติวีซ่า Subclass 100 แล้วหรือได้เพิกถอนใบสมัครในระหว่างรอการอนุมัติ
- Partner (Migrant) Visa Subclass 100 – เป็นวีซ่าคู่สมรสแบบถาวร ที่ผู้สมัครยื่นควบคู่ไปกับวีซ่า Subclass 309 ตั้งแต่แรก
โดยทั่วไปแล้ววีซ่านี้จะได้รับการอนุมัติภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีหลังจากที่ได้รับวีซ่า Subclass 309 แต่ในบางกรณี ผู้สมัครอาจได้รับการอนุมัติวีซ่า Subclass 100 ทันทีหลังจากได้วีซ่า Subclass 309 โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
ผู้ที่ได้รับวีซ่าประเภทนี้ถือว่าได้เป็น Permanent Resident หรือผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในออสเตรเลีย
โดยหน้าตาของวีซ่าที่สถานทูตออกให้จะเป็นไปตามภาพด้านล่างนี้
คุณสมบัติของผู้สมัครวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย
ผู้สมัครคนไทยและแฟนคนออสเตรเลีย จะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานในการทำวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย ดังต่อไปนี้
ผู้สมัครหลัก | คู่สมรส (สปอนเซอร์) |
เป็นคู่สมรสโดยมีทะเบียนสมรส หรือหากไม่มีทะเบียนสมรสต้องอยู่กินกับแฟนออสติดต่อกันเกิน 1 ปี | เป็นคู่สมรส หรือ เป็นผู้มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับผู้ที่เป็นผู้สมัครหลักโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ติดต่อกันเกิน 1 ปี |
อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป | อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป |
ไม่เคยต้องโทษคดีร้ายแรง | ไม่เคยต้องโทษคดีร้ายแรง |
มีสุขภาพแข็งแรงตามเกณฑ์ที่กำหนด | มีสัญชาติออสเตรเลีย / ผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในออสเตรเลีย (PR) / *ผู้มีสัญชาตินิวซีแลนด์ที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียและถือ Protected SCV |
ไม่เป็นผู้มีภาระหนี้สินกับทางการของออสเตรเลีย |
ผู้สมัครที่มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาโดยที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะต้องแสดงหลักฐานให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าความสัมพันธ์นี้มีระยะเวลารวมกันไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยช่วงเวลาในการเดทหรือติดต่อทางออนไลน์ไม่นับรวมในระยะเวลาของความสัมพันธ์แบบ De Facto นะ
นอกจากนั้นแล้ว ระยะเวลาของความสัมพันธ์อาจส่งผลต่อ Subclass ของวีซ่าที่จะได้รับการอนุมัติ ผู้สมัครที่มีความสัมพันธ์กับสปอนเซอร์มาเป็นเวลานานมีแนวโน้มที่จะได้วีซ่า Subclass 100 ทันทีหลังจากที่ได้รับการอนุมัติวีซ่า Subclass 309
รายการเอกสารในการขอวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย (Subclass 309/100)
รายการเอกสารที่ต้องใช่ในการสมัครวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย มีดังนี้
- แบบฟอร์มใบสมัครวีซ่าออนไลน์สำหรับวีซ่าคู่สมรส ทาง immi account
- แบบฟอร์ม 40SP
- แบบฟอร์ม 80
- แบบฟอร์ม 1221
- เอกสารส่วนตัวของผู้สมัครพร้อมทั้งคำแปลเป็นภาษาอังกฤษที่ได้รับการรับรอง
- เอกสารส่วนตัวของสปอนเซอร์คนออสเตรเลีย
- ใบรับรองความประพฤติของผู้สมัครที่ออกโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ในกรณีที่ผู้สมัครเคยอาศัยอยู่ในประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศไทยเป็นระยะเวลารวมกันตั้งแต่ 12 เดือน ในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา จะต้องยื่นใบรับรองความประพฤติที่ออกโดยประเทศนั้น ๆ ด้วย)
- ใบรับรองความประพฤติของสปอนเซอร์ที่ออกโดย Australia Federal Police
- รูปถ่ายติดวีซ่าของผู้สมัคร 2 ใบ ขนาด 4.5 x 3.5 cm
- รูปถ่ายติดวีซ่าของสปอนเซอร์ 2 ใบ ขนาด 4.5 x 3.5 cm
- ฟอร์ม 888 จากพยานชาวออสเตรเลีย 2 ท่านที่เป็นคนในครอบครัว เพื่อนหรือคนรู้จักเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ของผู้สมัครและสปอนเซอร์ว่าเป็นคู่รักกันจริง
- หลักฐานความสัมพันธ์ เช่น รูปถ่ายแสดงความสัมพันธ์ของผู้สมัครและสปอนเซอร์รวมถึงครอบครัวทั้งสองฝ่าย หลักฐานการโอนเงินจุนเจือช่วยเหลือ สำเนาสมุดบัญชีร่วม จดหมายหรือการ์ดอวยพรต่าง ๆ ที่เคยให้กันหรือได้รับจากญาติ เพื่อนๆของอีกฝ่าย รวมถึง Chat ที่คุยกันทางแอพต่างๆด้วยนะ
ขั้นตอนการสมัครวีซ่าคู่สมรสออสเตรเลีย
เอาละ เราจะมาเรียนรู้วิธีการสมัครวีซ่าแต่งงานหรือวีซ่าคู่สมรสออสเตรเลีย ใน Subclass 309/100 ไปทีละขั้นตอนกัน ตามเรามา
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ผู้สมัครจะต้องยื่นใบสมัครและยื่นเอกสารทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.online.immi.gov.au หรือที่เรียกกันว่า immi account โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 ลงทะเบียน immi account เพื่อเริ่มใบสมัครวีซ่าออนไลน์
- เข้าไปที่ https://online.immi.gov.au/lusc/login แล้วเลือก Create Immi Account
- ผู้สมัครจะต้องกรอกรายละเอียด ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ รหัสผ่านที่จะใช้ เลือกคำถามและคำตอบสำหรับใช้ในการกู้คืนบัญชี 3 ข้อ กดยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลง หลังจากนั้นให้กด Submit
- ระบบจะส่งอีเมล์ยืนยันตัวตนไปยังอีเมล์ที่เรากรอกไว้ ให้ผู้สมัครเข้าอีเมล์ที่ใช้ในการสมัครแล้วกดยืนยันตามลิงค์ที่แนบมา หลังจากกดยืนยันตัวตนในอีเมล์แล้วให้ผู้สมัครกลับไปที่หน้า immi account อีกครั้งแล้วกด continue เพื่อเริ่มกรอกใบสมัคร
หากผู้สมัครทิ้งขั้นตอนในส่วนนี้ไว้นาน ระบบอาจทำการล็อกเอ้าท์ให้เองโดยอัตโนมัติ ให้ผู้สมัครเข้าไปที่ลิงค์ https://online.immi.gov.au/lusc/login เพื่อทำการล็อกอินอีกครั้งโดยใช้อีเมล์และรหัสผ่านที่เราระบุไว้
ขั้นตอนที่ 2 กรอกใบสมัคร
กดที่เครื่องหมาย New Application ที่ปรากฏทางด้านซ้ายมือบนของหน้าจอเพื่อเริ่มกรอกใบสมัคร ระบบจะแสดงประเภทของวีซ่าที่เราต้องการสมัคร ให้กดเลือกประเภทวีซ่า Family > Stage 1 – Partner or Prospective Marriage Visa (300,309/100,820/801)
คำถามที่อยู่ในใบสมัครออนไลน์สำหรับวีซ่าคู่สมรสนี้จะแบ่งออกเป็น 6 หัวข้อหลัก ดังนี้
- ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครหลัก (Primary Applicant)
ในหัวข้อนี้จะเป็นคำถามเกี่ยวกับตัวผู้สมัครหลักตั้งแต่ชื่อ นามสกุล ประวัติการเปลี่ยนชื่อ สถานภาพ ที่อยู่ ข้อมูลติดต่อทางโทรศัพท์และอีเมล์ ข้อมูลบนหน้าพาสปอร์ต ไปจนถึงข้อมูลของบุตรที่จะติดตามไปด้วย (ถ้ามี) และข้อมูลของญาติที่ใกล้ชิด (Immediate Family) ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตไปแล้ว
*ญาติที่ใก้ลชิด (Immediate Family) หมายถึง พ่อแม่ บุตรและพี่น้องที่มีพ่อหรือแม่เดียวกัน
- ข้อมูลเกี่ยวกับสปอนเซอร์ (Sponsor) หรือแฟนชาวออสซี่
ในหัวข้อนี้จะเป็นคำถามเกี่ยวกับสปอนเซอร์โดยจะสอบถามรายละเอียดส่วนตัวและข้อมูลของญาติที่ใกล้ชิดเช่นเดียวกันกับของผู้สมัครหลัก
- ความสัมพันธ์ (Relationship)
ผู้สมัครจะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวผู้สมัครหลักและสปอนเซอร์ เช่น รู้จักและพบกันครั้งแรกที่ใด วันที่เท่าใด ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาเริ่มต้นเมื่อใด ข้อมูลการจดทะเบียนสมรส ระยะเวลาที่อยู่กินฉันท์สามีภรรยา เป็นต้น นอกจากนี้ผู้สมัครจะต้องอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครและสปอนเซอร์ในด้านการเงิน ด้านการใช้ชีวิตครอบครัว ด้านสังคม ข้อตกลงที่มีร่วมกัน รวมทั้งพัฒนาการของความสัมพันธ์ด้วย
นอกจากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ผู้สมัครจะต้องใส่ข้อมูลผู้ที่เป็นพยานในความสัมพันธ์ของเราหรือผู้ที่กรอกฟอร์ม 888 โดยจะต้องกรอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด อาชีพ ความสัมพันธ์กับผู้สมัคร ระยะเวลาที่รู้จักกับผู้สมัคร ที่อยู่ เบอร์โทรและอีเมล์ที่ติดต่อได้ พยานจะต้องมีอย่างน้อย 2 ท่าน
หากผู้สมัครหรือสปอนเซอร์เคยหย่าร้างหรืออยู่กินฉันท์สามีภรรยากับผู้อื่นมาก่อน จะต้องกรอกข้อมูลของคู่สมรสเก่าทั้งหมดลงไปในหัวข้อนี้ด้วย
- ภาษา (Language)
ผู้สมัครจะต้องเลือกภาษาที่จะใช้ในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของสถานทูตในกรณีที่มีการสัมภาษณ์หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทางโทรศัพท์หรืออีเมล์
- ประวัติการอยู่อาศัย การเดินทางต่างประเทศและข้อมูลวีซ่าของผู้สมัครหลัก
ผู้สมัครจะต้องกรอกข้อมูลที่อยู่อาศัยปัจจุบันและข้อมูลประวัติการเดินทางหรือการอยู่อาศัยที่ต่างประเทศทั้งหมดภายในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยจะต้องระบุประเทศที่เดินทางไป วันที่ไปและวันที่กลับด้วย นอกจากข้อมูลข้างต้นยังมีคำถามเกี่ยวกับวีซ่าที่เคยได้รับ เช่น ผู้สมัครเคยถูกปฏิเสธวีซ่าหรือถูกยกเลิกวีซ่าออสเตรเลียมาก่อนหรือไม่
- ข้อมูลความปลอดภัย: ข้อมูลส่วนบุคคล ประวัติอาชญากรรม การยินยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าคู่สมรสและการยืนยันข้อมูลถูกต้อง
ผู้สมัครจะต้องยืนยันข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรมว่าเคยกระทำความผิดหรือกำลังอยู่ภายใต้การดำเนินคดีใดหรือไม่ รวมทั้งประวัติการอยู่อาศัยเกินวีซ่า (overstay) หรือประวัติการถูกส่งตัวกลับในประเทศอื่น ๆ รวมทั้งออสเตรเลียด้วย
นอกจากนี้ผู้สมัครจะต้องยืนยันว่าจะแจ้งให้ทางการทราบหากผู้สมัครและสปอนเซอร์ยุติความสัมพันธ์หรือเลิกกัน รวมทั้งยินยอมให้หน่วยงานต่าง ๆ ของออสเตรเลียเข้าถึงข้อมูล ยินยอมให้เก็บลายนิ้วมือรวมทั้งรูปถ่ายตามที่ร้องขอและยืนยันว่าข้อมูลที่ระบุลงไปในใบสมัครทั้งหมดนั้นเป็นความจริงทุกประการ
ในขั้นตอนของการกรอกใบสมัครออนไลน์นั้น ผู้สมัครจะต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมและกรอกข้อมูลอย่างครบถ้วน ระบบจะไม่อนุญาตให้กรอกข้อมูลในส่วนถัดไปหากข้อมูลในหน้าปัจจุบันยังไม่สมบูรณ์
***เนื่องจาก Partner Visa Subclass 309/100 เป็นวีซ่าสำหรับผู้สมัครที่อยู่นอกประเทศออสเตรเลีย ดังนั้นระบบจะไม่อนุญาติให้ผู้สมัครเข้าไปกรอกข้อมูลใด ๆ ในขณะที่อาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย
นอกเหนือจากใบสมัครออนไลน์ในระบบแล้ว ยังมีใบสมัครอื่น ๆ ที่ทางผู้สมัครและสปอนเซอร์จะต้องกรอกเพิ่มเติมด้วย ดังนี้
- แบบฟอร์ม 40SP กรอกและเซ็นรับรองโดยสปอนเซอร์
- แบบฟอร์ม 80 กรอกและเซ็นรับรองโดยผู้สมัครหลัก
- แบบฟอร์ม 1221 กรอกและเซ็นรับรองโดยผู้สมัครหลัก
ขั้นตอนที่ 3 ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า Subclass 309/100
หลังจากที่กรอกข้อมูลและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลแล้ว ระบบจะส่งต่อไปที่หน้าการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแบบออนไลน์ โดยค่าธรรมเนียมสำหรับวีซ่าคู่สมรสมีดังนี้ผู้สมัครหลัก 7,715 ออสเตรเลียดอลลาร์ หรือประมาณ 160,000 บาทผู้ติดตามที่มีอายุมากกว่า 18 ปี 3,860 ออสเตรเลียดอลลาร์ หรือประมาณ 80,000 บาทผู้ติดตามที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี 1,935 ออสเตรเลียดอลลาร์ หรือประมาณ 40,000 บาท[*ข้อมูล ณ วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563]โดยเราสามารถเลือกชำระผ่าน 4 ช่องทาง ดังนี้
- บัตรเครดิต การชำระผ่านช่องทางนี้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมตามประเภทของบัตรที่ใช้
-
- MasterCard (including Debit Master Card) – 1.32%
- VISA (including VISA Debit Card) – 1.32%
- American Express (AMEX)– 1.40%
- Diners Club – 1.99%
- JCB – 1.40%
- ชำระผ่าน PayPal โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม 1%
- ชำระผ่าน UnionPay โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม 1.90%
- ชำระผ่าน BPAY ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมแต่ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 3 วัน
เมื่อชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว ระบบจะส่งใบเสร็จเข้ามาให้ที่ immi account ของผู้สมัคร (สามารถเข้าไปดูได้ที่เมนู My Payments) พร้อมทั้งส่งข้อความเข้ามาที่เมนู message และแนบไฟล์เอกสารแจ้งให้ผู้สมัครไปดำเนินการเก็บลายนิ้วมือและตรวจสุขภาพเมื่อกลับไปหน้า My Application ระบบจะแสดง Actions required หรือสิ่งที่ผู้สมัครต้องดำเนินการต่อ 3 อย่างคือ Attach documents (อัพโหลดเอกสาร) Arrange health examination (ตรวจสุขภาพ) และ Arrange biometric collection (เก็บลายนิ้วมือ) ขั้นตอนเหล่านี้จะอธิบายเพิ่มเติมตามต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 4 สแกนเอกสาร
หลังจากชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครจะต้องทำการสแกนและอัพโหลดเอกสารเข้าสู่ระบบตามหัวข้อที่กำหนดไว้ โดยเอกสารจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
- แสกนสีจากเอกสารตัวจริง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- หากเอกสารมีหลายหน้าจะต้องแสกนให้อยู่ในไฟล์ pdf เดียวกัน
- มีความคมชัด
- ไฟล์ที่สามารถอัพโหลดเข้าระบบได้ .bmp, .dcm, .doc, .docx / .docx, .dot, .els, .gif, .jpg, .jpeg, .jpe, .png, .pdf, .ppt / .pptx, .rft, .txt, .xlsx (แนะนำให้อัพโหลดเป็นสกุลไฟล์ .pdf หรือ .jgp/jpeg)
- เอกสารที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษจะต้องแนบคำแปลที่ได้รับการรับรองไปด้วย: อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปลเอกสาร
- อัพโหลดเอกสารทั้งหมดได้ไม่เกิน 100 ไฟล์
- แต่ละไฟล์มีขนาดไม่เกิน 5 MB
การอัพโหลดรูปภาพผู้สมัครจะต้องเขียนกำกับและเซ็นชื่อที่ด้านหลังรูป ก่อนที่จะแสกนสีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตามตัวอย่างด้านล่าง
หลังจากอัพโหลดแต่ละเอกสารลงในหัวข้อที่กำหนด ระบบจะแสดงคำว่า Received เพื่อยืนยันว่าเอกสารถูกบันทึกเข้าระบบแล้ว และเมื่อผู้สมัครอัพโหลดเอกสารทั้งหมดครบถ้วนจะต้องกดที่ปุ่ม I confirm I have provided information as requested ด้านล่างอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเราได้ยื่นเอกสารและข้อมูลทั้งหมดตามที่กำหนดไว้แล้วและเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าใบสมัครของเราพร้อมสำหรับการพิจารณา
ขั้นตอนที่ 5 เก็บลายนิ้วมือที่ศูนย์ยื่นวีซ่า VFS
ในขั้นตอนนี้ผู้สมัครต้องเข้าไปลงทะเบียนและทำนัดหมายเพื่อเก็บลายนิ้วมือในเว็บไซต์ของ VFS Australia ในวันนัดหมายผู้สมัครจะต้องแสดงหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันตัวจริง เอกสารแจ้งให้เก็บลายนิ้วมือตามที่ได้มาจากบัญชี immi account และใบคอนเฟิร์มการนัดหมายให้กับเจ้าหน้าที่ VFS เจ้าหน้าที่จะถ่ายรูปและเก็บลายนิ้วมือของผู้สมัครพร้อมกับส่งต่อข้อมูลของเราไปให้ทางสถานทูตออสเตรเลีย ในขั้นตอนนี้จะมีค่าธรรมเนียม 850 บาท สามารถชำระเป็นเงินสดที่ศูนย์ยื่นวีซ่า VFS ได้เลย
ขั้นตอนที่ 6 ตรวจสุขภาพ
ก่อนที่จะนัดหมายตรวจสุขภาพกับทางโรงพยาบาล ผู้สมัครจะต้องเข้าไปตอบคำถามสุขภาพเบื้องต้นในระบบของ immi account ก่อน โดยดูที่หัวข้อ Actions Required แล้วเลือก Arrange health examination หลังจากตอบคำถามทั้งหมดแล้วให้กดคอนเฟิร์ม ระบบจะแสดงคำตอบของคำถามเกี่ยวกับสุขภาพที่เราได้ตอบไว้พร้อมทั้งเลข HAP ID ดาวน์โหลดและพิมพ์ข้อมูลนี้เพื่อนำไปยื่นให้กับทางโรงพยาบาลในวันตรวจสุขภาพผู้สมัครควรทำการนัดหมายกับทางโรงพยาบาลก่อนเข้าไปตรวจสุขภาพ โดยโรงพยาบาลที่ผู้สมัครสามารถติดต่อเพื่อขอรับการตรวจสุขภาพเพื่อขอวีซ่าคู่สมรสหรือหรือแต่งงานของออสเตรเลียนั้นจะมีดังนี้
- Bangkok Nursing Home (BNH) Hospital
- Bangkok General Hospital
- International Organization for Migration (IOM)
- Chiangmai Ram Hospital
- Wellness Center, Bangkok Hospital Phuket
- Aek Udon International Hospital
ทางโรงพยาบาลจะเป็นผู้ส่งผลตรวจให้กับทางสถานทูตเองโดยตรง ระยะเวลาในการรอและส่งผลไปให้ทางสถานทูตจะขึ้นอยู่กับทางโรงพยาบาล
ขั้นตอนที่ 7 รอผล
หลังจากที่ผู้สมัครดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมดแล้ว หน้าจอ immi account จะขึ้นสถานะ Further Assessment เพื่อแจ้งให้ทราบว่าใบสมัครอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ระยะเวลาในการรอผลของวีซ่าคู่สมรสจะอยู่ที่ประมาณ 12 – 21 เดือน ซึ่งนับว่าเป็นเวลาที่ยาวนานพอสมควร ในระหว่างนี้ผู้สมัครควรหมั่นเข้าไปตรวจสอบ immi account อยู่เสมอเพื่อเช็คว่าทางสถานทูตฯ ได้แจ้งขอเอกสารหรือให้ดำเนินการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น เจ้าหน้าที่อาจจะขอให้ผู้สมัครยื่นหนังสือรับรองความประพฤติจาก Australia Federal Police เนื่องจากผู้สมัครเคยมีประวัติการอยู่ออสเตรเลียรวมกันนานเกิน 1 ปี เป็นต้น โดยผู้สมัครสามารถสังเกตได้จากเมนู message หรือ actions required ใน immi account ของผู้สมัครเอง
นอกจาก immi account แล้วผู้สมัครควรหมั่นเช็คอีเมล์และการติดต่อทางโทรศัพท์ด้วยเพราะทางสถานทูตฯ อาจติดต่อผู้สมัครมาในช่องทางนี้เช่นกัน
เมื่อทางสถานทูตฯ พิจารณาผลเรียบร้อยแล้วจะแจ้งผลการพิจารณามาที่ immi account โดยตรง สถานะของใบสมัครจะเปลี่ยนเป็น Finalised เมื่อกดเข้าไปดูรายละเอียดจะมีเมนู Visa grant details ที่แจ้งผลวีซ่าเพิ่มเข้ามา ถือว่าการยื่นวีซ่านี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ค่าธรรมเนียมในการทำวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย
การขอวีซ่าประเภทนี้จะต้องใช้เงินค่อนข้างเยอะ เรามาดู Breakdown ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานของออสเตรเลียกันตามด้านล่างนี้:
- ค่าธรรมเนียมวีซ่าของผู้สมัครหลัก 7,715 ออสเตรเลียดอลลาร์ หรือประมาณ 160,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมวีซ่าของผู้ติดตามที่มีอายุมากกว่า 18 ปี 3,860 ออสเตรเลียดอลลาร์ หรือประมาณ 80,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมวีซ่าของผู้ติดตามที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี 1,935 ออสเตรเลียดอลลาร์ หรือประมาณ 40,000 บาท
- ค่าบริการเก็บลายนิ้วมือโดยศูนย์ยื่นวีซ่า VFS 850 บาท
[*ข้อมูล ณ วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563]
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดด้านบนตูมเดียวนะ การจ่ายเงินจะเป็นไปตามStep ในการทำวีซ่า ดังนั้นหากคุณวางแผนดี คุณก็จะไม่รู้สึกว่าค่าใช้จ่ายหนักมากนั้นเอง
คำถามที่พบบ่อย
- ใช้เวลารอผลนานเท่าไร
- โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12 เดือนนับจากวันที่ยื่นใบสมัครออนไลน์
- ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้วีซ่าคู่สมรสถูกปฏิเสธ
- ผลตรวจสุขภาพของผู้สมัครหรือของผู้ติดตามไม่ผ่านเกณฑ์
- ประวัติการก่ออาชญากรรมต่าง ๆของผู้สมัครและสปอนเซอร์
- ประวัติการทำงานผิดกฎหมายของผู้สมัคร
- วีซ่าที่ได้รับจะอยู่ใน Subclass ไหน
- การอนุมัติ Subclass ของวีซ่าจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
- วีซ่าที่ได้รับมีอายุนานเท่าไร
- หากผู้สมัครได้รับการอนุมัติวีซ่าใน Subclass 309 วีซ่าจะมีอายุอยู่ได้จนกว่าจะได้รับอนุมัติเป็น Subclass 100
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย
- เนื่องจากวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลียมีระยะเวลาในการพิจารณาผลค่อนข้างนาน ดังนั้นเพื่อป้องกันความล่าช้าที่อาจจะเกิดขึ้นในกรณีที่สถานทูตขอให้ผู้สมัครส่งเอกสารหรือดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม ผู้สมัครควรหมั่นตรวจสอบสถานะของใบสมัครใน immi account และเช็คอีเมล์อยู่เสมอ
- ผู้สมัครควรยื่นเอกสารแสดงความสัมพันธ์เช่น รูปถ่าย ประวัติการติดต่อ หลักฐานการโอนเงินต่าง หรือหลักฐานอื่นใดที่แสดงว่าผู้สมัครและสปอนเซอร์มีความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องหรือยาวนาน รวมทั้งการชี้แจงให้สถานทูตฯทราบถึงรายละเอียดของความสัมพันธ์ เช่น พัฒนาการของความสัมพันธ์ แผนการใช้ชีวิตร่วมกันในออสเตรเลีย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้สมัครเองและมีผลต่อการพิจารณาอนุมัติ subclass ของวีซ่าเช่นกัน
- ถึงแม้ว่าจะไม่มีการกำหนดเกณฑ์รายได้ที่ชัดเจน แต่ผู้สมัครและสปอนเซอร์ควรแสดงหลักฐานการทำงาน การแสดงรายได้ เงินออม รวมไปถึงหลักฐานการเสียภาษีของสปอนเซอร์ด้วย นอกจากนี้ต้องมั่นใจด้วยว่าสปอนเซอร์ไม่เป็นผู้มีหนี้สินหรือภาระติดพันกับทางการของประเทศออสเตรเลีย
บริการรับทำวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย
ทีมงานของบริษัท บาเบลวีซ่า แอนด์ ทรานสเลชั่น จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการทำวีซ่ามาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี เราสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอนของการทำวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย เพื่อให้การยื่นวีซ่าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ต้องกังวลใจ
บริการที่คุณจะได้รับจากทางทีมงานของเรามีดังนี้:
- ช่วยประเมินความเป็นไปได้และปัจจัยเสี่ยงในการขอวีซ่าสำหรับลูกค้าแต่ละท่าน
- ให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน
- แจ้งรายการเอกสารที่จำเป็นสำหรับลูกค้าและสปอนเซอร์
- กรอกใบสมัครออนไลน์และใบสมัครอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- แปลและรับรองเอกสาร
- จัดเตรียมเอกสารและแสกนเอกสารเข้าระบบ
- ดำเนินการจ่ายค่ะรรมเนียมวีซ่าออนไลน์
- ทำนัดหมายเพื่อเก็บลายนิ้วมือกับทาง VFS พร้อมดูแลลูกค้าในวันที่เข้าไปเก็บลายนิ้วมือ
- ทำนัดหมายกับทางโรงพยาบาลพร้อมดูแลลูกค้าในวันที่เข้าไปตรวจสุขภาพ
- เตรียมแนวคำถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์
- คอยเช็คและอัพเดทผลให้กับทางผู้สมัคร
เราพร้อมจะเป็นที่ปรึกษาและดูแลคุณอย่างดีในทุก ๆ ขั้นตอนของการทำวีซ่า คุณสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าและบริการของเราได้ที่อีเมล์ info@bebel-translation.com หรือโทรมาที่เบอร์ 02-2583433 หรือกดปุ่ม Line ตรงมุมขวาล่างเพื่อ Chat กับเราได้เลย
สรุป
หากคุณได้อ่านบทความข้างต้นมาทั้งหมดแล้ว คุณจะสังเกตุเห็นได้ว่าการขอวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย หรือ Australia Partner Visa ใน Subclass 309/100 นั้น มีความยุ่งยากทั้งขั้นตอนและรายการเอกสารที่ต้องเตรียมอยู่พอสมควร อีกทั้งค่าธรรมเนียมในการทำทั้งหลายโดยรวมก็อยู่ในระดับสูง
และจากประสบการณ์ของเราที่มากกว่า 10 ปี เราได้ผ่านเคสมาหลากหลาย เราเห็นมาตลอดว่า ระหว่างทางของการทำเคส จะมีปัญหาและประเด็นให้ปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น เราแนะนำให้คุณหาผู้เชี่ยวชาญ (ซึ่งอาจจะไม่ใช่เราก็ได้นะ) คอยประกบและดูแลใบสมัครของคุณ เพื่อให้วีซ่าของคุณมีโอกาสผ่านอย่างสูงสุด และเป็นไปตามแผนการเดินทางของคุณที่ได้เตรียมไว้