วีซ่าคู่หมั้นอเมริกา (K1 Visas)
วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันว่าวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา หรือเรียกกันสั้นๆว่า K1 Visa นั้นมีรายละเอียดในการทำอย่างไร เหมาะกับใคร และเอกสารๆสำคัญที่ต้องเตรียมหรือสำรวจตรวจสอบกันก่อนนั้นมีอะไรบ้างเรารับรองว่า เมื่อคุณได้อ่านบทความนี้แล้ว คุณจะกระจ่างในข้อมูลเพื่อใช้สำหรับการเตรียมใบสมัครวีซ่าของคุณอย่างแน่นอนหลายคนคงคุ้นหูกับประโยคที่ว่า รักข้ามฟ้า รักข้ามพรมแดน คู่รักที่พบรักกันแม้จะอยู่ห่างไกลกันแทบครึ่งโลก แต่ก็มาเจอกันจนกลายเป็นรักแท้ และการที่คู่รักต่างสัญชาติจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันได้นั้น ต้องอาศัยกระบวนการทางกฎหมายคนเข้าเมืองในเรื่องของการขอวีซ่าเพื่อให้คู่ครองสามารถมาอยู่ด้วยกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในที่นี้เราจะขอพูดถึงคู่รักที่ต้องการขอให้แฟนไปอยู่อเมริกา เพื่อจดสมรสและอยู่ด้วยกันอย่างถาวร นั่นคือการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา (K1 Visa) ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกาหรือ K1 Visa หรือสนใจวีซ่าประเภทนี้อยู่ เราจะมาบอกทุกรายละเอียด หัวข้อ ขั้นตอนที่ควรทราบ เพราะฉะนั้นห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด เริ่ม!
คลิกอ่านที่นี้เราขอแนะนำให้คุณอ่านข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าท่องเที่ยวของอเมริกา (B1/B2) ประกอบด้วย เพื่อเข้าใจว่ามันมีความแตกต่างกันอย่างไร
สารบัญเนื้อหา (คลิกอ่านทีละหัวข้อได้)
- วีซ่าคู่หมั้นอเมริกาคืออะไร
- คุณสมบัติเบื้องต้นของการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา
- ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา
- ลิสรายการเอกสารการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกาK1
- ขั้นตอนการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา
- ต้องทำอย่างไรบ้าง หลังจากได้รับวีซ่า ?
- ระยะเวลาในการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา
- คำถามที่พบบ่อย
- บริการรับทำวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา K1
- บทสรุป
วีซ่าคู่หมั้นอเมริกาคืออะไร
วีซ่าคู่หมั้นอเมริกาหรือวีซ่า K1 คือวีซ่าสำหรับคู่รักของชาวอเมริกันที่ต้องการขอวีซ่าเพื่อไปจดทะเบียนสมรสที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะต้องจดทะเบียนสมรสภายในระยะเวลา 90 วัน นับจากวันที่ผู้ได้รับวีซ่าเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากวีซ่าคู่หมั้นนี้เป็นเพียงวีซ่าชั่วคราวเพื่อจุดประสงค์ในการจดทะเบียนสมรสดังนั้นหลังจากจดทะเบียนสมรสกับชาวอเมริกันเรียบร้อยแล้ว จะต้องดำเนินการยื่นคำร้องเพื่อขอปรับสถานะเป็นผู้พำนักถาวรหรือที่เรียกว่าผู้ถือกรีนการ์ด (LPR) ต่อไปหากผู้สมัครหลักที่เป็นคู่รักของชาวอเมริกันมีบุตรที่อายุน้อยกว่า 21 ปีบริบูรณ์ และมีความประสงค์ที่จะติดตามไปประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถขอวีซ่าติดตามผู้สมัครหลักหรือวีซ่า K2 ไปพร้อมกันได้โดยไม่ต้องยื่นใบคำร้องแยกจากผู้สมัครหลัก ภายใต้เงื่อนไขว่าบุตรจะต้องมีสถานภาพโสด อายุต่ำกว่า 21 ปี และอยู่ในอำนาจการปกครองของผู้สมัครแต่เพียงผู้เดียวคุณสามารถศึกษาข้อมูลจากสถานทูตประกอบด้วยได้ตามลิงค์นี้นะ : วีซ่าคู่หมั้นสหรัฐอเมริกา
คุณสมบัติเบื้องต้นของการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา
การจะทำวีซ่าให้ผ่าน คุณจะต้องทราบก่อนว่าวีซ่าประเภทนี้เค้าดูข้อมูลอะไรบ้างของผู้ขอและแฟนอเมริกัน ซึ่งหากคุณและคู่รักสัญชาติอเมริกันมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ การขอวีซ่า K1 ไม่ถือเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ
สปอนเซอร์สัญชาติอเมริกัน |
ผู้สมัคร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เคยเจอกันอย่างน้อย 1 ครั้ง ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีล่าสุดก่อนยื่นคำร้องขอวีซ่า |
ไม่ต้องกังวลจนเกินไปหากคุณสมบัติของคุณไม่ครบถ้วนตามที่ระบุไว้ข้างต้น คุณสามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญของทางบริษัทได้ เพื่อให้เราช่วยดูแลและทำให้การยื่นวีซ่าของคุณเป็นไปได้ด้วยดี
ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา
การขอวีซ่าแต่ละตัวไม่ฟรีนะ และสำหรับวีซ่าคู่หมั้นอเมริกาก็จะมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายหลายรายการ โดยหลักๆ คุณก็จะต้องเตรียมเงินไว้ใช้สำหรับการขอวีซ่าดังต่อไปนี้
รายละเอียด |
ค่าธรรมเนียม |
|
|
|
|
|
|
|
|
ลิสรายการเอกสารในการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา K1
เมื่อคุณทราบถึงคุณสมบัติและค่าธรรมเนียมต่างๆ ตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดของการทำวีซ่าคือ การจัดเตรียมเอกสารให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบรูณ์ เพื่อยื่นให้แก่หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของอเมริกาเพื่อพิจารณาออกวีซ่าให้กับคุณนั้นเอง โดยเอกสารหลักที่ใช้ในการยื่นคำร้องขอวีซ่าคู่หมั้นก็จะมีดังนี้:
- ใบคำร้องสำหรับวีซ่าคู่หมั้น (I – 129F)
- หนังสือค้ำประกันจากสปอนเซอร์ (I-134)
- แบบฟอร์ม G-1145 เป็นฟอร์มสำหรับใส่เบอร์โทร อีเมล เพื่อเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ติดต่อผู้สมัครได้
- หนังสือรับรองว่าจะจดทะเบียนสมรสกันภายใน 90 วัน
- สำเนาเอกสารส่วนตัวของผู้สมัครพร้อมฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษและมีตราประทับรับรองคำแปล เช่น ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล ทะเบียนหย่า (ถ้าเคยหย่ามาก่อน)
- สำเนาเอกสารส่วนตัวของสปอนเซอร์ เช่น ใบเกิด หนังสือเดินทาง Naturalization certificate ใบขับขี่ ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล ใบหย่า (ถ้าเคยหย่ามาก่อน) เป็นต้น
- สำเนาเอกสารแหล่งพำนักในอเมริกาของสปอนเซอร์ เช่น สัญญาเช่า เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดิน หลักฐานการผ่อนชำระค่าบ้านหรือmortgage statement บิลค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
- สำเนาเอกสารการงานและรายได้ของสปอนเซอร์ เช่น เอกสารภาษีเงินได้ปีล่าสุดหรือTax Return Transcriptปีล่าสุด หนังสือรับรองงาน เป็นต้น
- ใบรับรองความประพฤติจากกรมตำรวจของผู้สมัคร
- รูปถ่ายสี 2 รูป ขนาด 2×2 นิ้ว รูปสี พื้นหลังสีขาวของผู้สมัคร
- รูปถ่ายสี 2 รูป ขนาด 2×2 นิ้ว รูปสี พื้นหลังสีขาวของสปอนเซอร์
- หลักฐานแสดงความสัมพันธ์
- ผลตรวจสุขภาพของผู้สมัคร
ขั้นตอนการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา
เนื่องจากการทำวีซ่าคู่หมั้นอเมริกานั้น จะมีความซับซ้อนยุ่งยากกว่าวีซ่าท่องเที่ยวมาก เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนเราจะแบ่งขั้นตอนการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกาเป็น 5 ขั้นตอนหลักดังนี้
-
ขั้นตอนที่ 1 ยื่นคำร้อง แบบฟอร์ม I-129F ไปที่ USCIS
แบบฟอร์มแรกที่ผู้สมัครต้องยื่นคือ I-129F สามารถดาวโหลดแบบฟอร์มได้จากหน้าเว็บไซด์ของ USCIS ตามลิงค์ได้นะ https://www.uscis.gov/i-129fทีนี้มาดูกันว่าการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มนี้เราควรทำความเข้าใจพื้นฐานดังนี้
- ผู้ที่ยื่นใบคำร้องแบบฟอร์ม I-129F นี้คือสปอนเซอร์สัญชาติอเมริกัน ในแบบฟอร์มคือ Petitioner ที่ต้องการให้แฟนหรือคู่หมั้นต่างชาติมาจดสมรสกันในอเมริกา ดังนั้นผู้ที่จะเซ็นฟอร์มนี้คือสปอนเซอร์สัญชาติอเมริกัน ตัวอย่างแบบฟอร์มที่ต้องลงข้อมูลของสปอนเซอร์ หรือ ผู้ยื่นคำร้อง (Petitioner) ตามนี้
2. ผู้สมัครคือบุคคลสัญชาติอื่นใดที่ต้องการไปจดสมรสกับแฟนหรือคู่หมั้นสัญชาติอเมริกาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในแบบฟอร์มนี้เรียกว่าผู้ได้รับผลประโยชน์ หรือ Beneficiary เพราะฉะนั้นเวลาลงข้อมูลในแบบฟอร์มต้องระวังอย่าลงข้อมูลสลับกัน ต้องลงให้ถูกต้องว่าส่วนไหนควรลงข้อมูลของผู้สมัครหรือสปอนเซอร์ ตัวอย่างหน้าที่ต้องกรอกข้อมูลของผู้สมัครตามนี้
เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยให้ส่งแบบฟอร์มคำร้อง I-129F ที่มีข้อมูลสมบูรณ์ครบถ้วนพร้อมทั้งแนบสำเนาเอกสารส่วนตัวของผู้สมัครและสปอนเซอร์ไปยังสำนักงาน USCIS ที่สหรัฐอเมริกาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ USCIS เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่คัดกรองคำร้องในขั้นตอนแรก
หลังจากที่คำร้อง I-129F ได้รับการอนุมัติจาก USCIS สปอนเซอร์จะได้รับ Form I-1797, Notice of Action หรือที่เรียกว่า Approval Notice เพื่อยืนยันว่า USCIS ได้อนุมัติใบคำร้องของคุณแล้ว และกำลังส่งคำร้องของคุณไปยังศูนย์วีซ่าแห่งชาติ (NVC) เพื่อให้ทาง NVC ออกหมายเลยเคส หรือที่เรียกว่า Case Number และส่งคำร้องของคุณต่อมายังสถานทูตสหรัฐอเมริกาในประเทศ
เมื่อทางสถานทูตฯ ได้รับคำร้องของคุณแล้ว ทางสถานทูตจะส่งจดหมาย 1 ฉบับให้กับผู้สมัครทางไปรษณีย์ เป็นรายละเอียดหมายเลขเคส หรือ Case Number เพื่อใช้ในการยื่นใบสมัครวีซ่าในขั้นตอนต่อไป
ระยะเวลาที่ใช้ตั้งแต่คำร้องได้รับการอนุมัติหรือ Approval Notice ไปจนถึงวันที่ได้รับ Case Number อยู่ที่ประมาณ 1 – 1.5 เดือน
-
ขั้นตอนที่ 2 ยื่นใบสมัครออนไลน์และขอนัดหมายสัมภาษณ์กับสถานทูตสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย
หลังจากได้รับ Case Number แล้ว ผู้สมัครจะต้องกรอกแบบฟอร์มใบสมัครวีซ่าชั่วคราว DS-160 ทางออนไลน์ สามารถเข้าไปกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ DS-160 ได้ตามลิงค์นี้ https://ceac.state.gov/genniv/ จะสังเกตเห็นได้ว่าวีซ่าคู่หมั้นใช้แบบฟอร์มออนไลน์เดียวกันกับวีซ่าท่องเที่ยวชั่วคราว เมื่อเริ่มต้นการกรอกข้อมูลด้านในใบสมัครออนไลน์ DS-160 นี้จะมีให้เลือกประเภทวีซ่าอีกทีหนึ่ง ให้เลือก FIANCE (E) OR SPOUSE OF A U.S. CITIZEN (K) ตามตัวอย่างด้านล่างนี้
เมื่อกรอกข้อมูลใน DS-160 เรียบร้อยแล้ว พร้อมกดยื่นข้อมูลทางออนไลน์แล้ว ให้รออีเมลอีกหนึ่งฉบับจากสถานทูตอเมริกาแจ้งว่าเคสเราพร้อมที่จะทำนัดได้แล้ว โดยอีเมลนี้จะส่งมาให้กับผู้สมัคร เมื่อได้รับอีเมลแล้ว ให้ทำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าคู่หมั้น 9,805 บาท [ข้อมูลวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2567] สามารถเข้าระบบเพื่อทำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าได้จากลิ้งค์นี้ https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand โดยจะต้องทำการลงทะเบียนให้เรียบร้อย และระบบจะให้เลือกชำระได้สองแบบคือชำระโดยบัตรเครดิต และชำระโดยเงินสดที่ธนาคารกรุงศรี ตัวอย่างใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าคู่หมั้นอเมริกาที่ชำระโดยเงินสดที่ธนาคารกรุงศรีตามด้านล่างนี้
หลังจากชำระเรียบร้อยแล้ว ในวันทำการถัดไปผู้สมัครจะต้องเข้าระบบไปเลือกวันนัดได้ ในกรณีที่เมื่อเข้าไปแล้ว ปรากฏว่าไม่มีวันว่างให้เลือกเลย ไม่ต้องตกใจไปนะ นั่นเป็นเพราะว่าสถานทูตยังไม่ปล่อยวันนัดออกมาให้เลือก ให้คอยเข้าเช็คเรื่อยๆ ทั้งนี้ใน 1 วันห้ามเข้าเกิน 3 ครั้งนะ ไม่งั้นระบบจะล็อคไม่ให้เราเข้าเช็คได้ไป 3 วันเลย เมื่อทำการจองนัดเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการให้ขั้นตอนต่อไปได้เลย นั่นคือการตรวจสุขภาพ
-
ขั้นตอนที่ 3 ตรวจสุขภาพ
หลังจากได้จองวันนัดสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครจะต้องทำการนัดหมายกับทางโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากสถานทูตฯ แล้วว่าให้สามารถทำการตรวจสุขภาพเพื่อใช้ในการยื่นขอวีซ่าได้ เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลBNH
ในขั้นตอนนี้หากแพทย์พบเห็นความผิดปกติของร่างกายและพิจารณาแล้วว่าต้องมีการตรวจเพิ่มเติม อาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนการขอวีซ่าได้เช่นกัน
เนื่องจากทางสถานทูตจะไม่อนุญาตให้ผู้สมัครเข้ารับการสัมภาษณ์หากไม่มีผลตรวจสุขภาพมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ผลตรวจสุขภาพจะมีอายุเพียง 6 เดือน
การเข้าไปตรวจสุขภาพก่อนที่จะได้รับวันนัดสัมภาษณ์จึงไม่แนะนำ
เพราะอาจจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนได้ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมไป ณ วันตรวจสุขภาพมีดังต่อไปนี้
- หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน (ตัวจริง)
- จดหมายแสดง Case number และอีเมลที่ได้รับการยืนยันวันนัดสัมภาษณ์
- รูปถ่ายขนาดเดียวกันกับประกอบการขอวีซ่าอเมริกา 4 รูป
- ประวัติการฉีดวัคซีน (ถ้ามี)
-
ขั้นตอนที่ 4 เตรียมเอกสารที่ใช้ในการสัมภาษณ์
ในส่วนของการเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในวันสัมภาษณ์ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา (K1 Visa) ผู้สมัครจะต้องถือเอกสารส่วนตัวตัวจริงทั้งหมดไป ณ วันสัมภาษณ์
ในกรณีที่สปอนเซอร์อยู่กลาสก้า และฮาวาย ให้เช็คเกณฑ์รายได้ตามตารางด้านล่างนี้
สามารถเช็คเกณฑ์รายได้เพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้นะ https://www.uscis.gov/i-864pอีกหนึ่งเอกสารที่ขาดไม่ได้คือหลักฐานความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย ประวัติการสนทนา หรือหลักฐานใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับสปอนเซอร์ยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน จะต้องนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในวันสัมภาษณ์ด้วยเช่นกัน หากผู้สมัครและสปอนเซอร์ไม่สามารถจัดเตรียมเอกสารได้ครบถ้วน อาจเกิดความล่าช้าในการอนุมัติวีซ่าออกไปอีกอย่างน้อย 10 – 15 วันทำการ โดย ณ วันที่สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่จะให้กระดาษมา 1 แผ่น ระบุรายละเอียดเอกสารที่ต้องยื่นเพิ่มเติม เราเรียกเคสลักษณะนี้ว่าเคสติด 221(g) ซึ่งทางผู้สมัครจะต้องยื่นเอกสารตามที่สถานทูตร้องขอภายใน 1 ปี มิฉะนั้นคำร้องขอวีซ่าของท่านจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ
-
ขั้นตอนที่ 5 สัมภาษณ์
เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ไปถึงสถานทูตก่อนเวลานัดสัมภาษณ์ซักเล็กน้อย และเตรียมใจให้พร้อมกับการสัมภาษณ์ ในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจเอกสารทั้งหมดพร้อมทั้งทำการสัมภาษณ์ผู้สมัคร คำถามที่มักถูกนำมาถามส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครและสปอนเซอร์ หรือคำถามเกี่ยวกับตัวสปอนเซอร์ เพื่อเช็คว่าคุณทั้ง 2 คนรู้จักกันจริงหรือไม่ เป็นคู่รักกันจริงหรือไม่ ควบคู่ไปกับการดูเอกสารแสดงความสัมพันธ์ที่คุณได้ยื่นไป นอกจากนี้อาจมีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับประวัติงานที่คุณเคยทำ รวมไปถึงประวัติการเดินทางไปต่างประเทศของคุณด้วย เจ้าหน้าที่จะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษในระดับที่ใช้ในการสื่อสาร หากคุณสามารถโต้ตอบกับคู่หมั้นของคุณเป็นภาษาอังกฤษได้ การสัมภาษณ์ก็ไม่น่าเป็นเรื่องยากสำหรับคุณจนเกินไป แต่อย่างไรก็ตามหากคุณประหม่าจนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยได้เช่นกัน หากคุณได้รับการอนุมัติวีซ่าเจ้าหน้าที่จะเก็บพาสปอร์ตของคุณไว้ และจะส่งพาสปอร์ตติดหน้าวีซ่าพร้อมแพ็คเกจเอกสารที่คุณจะต้องถือไปในวันที่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ผ่านทางไปรษณีย์ภายใน 7 วันทำการนับจากวันที่คุณเข้าสัมภาษณ์
ต้องทำอย่างไรบ้าง หลังจากได้รับวีซ่า ?
หลังจากที่ผู้สมัครได้รับวีซ่าแล้วควรตรวจสอบความถูกต้องบนหน้าวีซ่าและแพ็คเกจที่ส่งมาว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ หากมีชำรุดเกินควร ควรติดต่อทางสถานทูตเพื่อขอให้ทำการห่อและปิดผนึกให้ใหม่อีกครั้งผู้สมัครที่ได้รับการอนุมัติวีซ่าอเมริกาจะได้รับวีซ่าประเภท K1 ที่มีระยะเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่วันออกวีซ่า แบบเดินทางเข้าออกได้ครั้งเดียว ผู้สมัครจะต้องเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาภายในช่วงเวลาที่ปรากฏอยู่ในวีซ่าและก่อนที่ผลตรวจสุขภาพของคุณจะหมดอายุ และผู้สมัครจะต้องจดทะเบียนสมรสกับสปอนเซอร์ภายใน 90 วันนับจากวันที่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา หลังจากจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว จะต้องดำเนินการยื่นคำร้องเพื่อขอปรับสถานะเป็นผู้พำนักถาวรหรือที่เรียกว่าผู้ถือกรีนการ์ด (LPR) กับ Department of Homeland Security (DHS), U.S. Citizenship and Immigration Services (USCIS) ต่อไป
ระยะเวลาในการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา
การขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา จะมีหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนก็จะใช้เวลาดำเนินการที่แตกต่างกัน โดยหลักๆแล้ว การขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกาก็จะใช้เวลาดำเนินการในแต่ละขั้นตอน ดังนี้
- ระยะเวลาในการรออนุมัติใบคำร้อง I-129F ประมาณ 4-6 เดือนนับจากวันที่ USCIS ได้รับใบคำร้อง I-129F โดยดูวันที่ได้จาก Notice of Receipt
- ระยะเวลาในการออกหมายเลขเคส หรือ case number 1-1.5 เดือนนับจากวันที่ใบคำร้องได้รับการอนุมัติ
- ระยะเวลาในการรอวันสัมภาษณ์ ประมาณ 2 อาทิตย์ ถึง 1 เดือน
- ระยะเวลาในการรอเล่มหนังสือเดินทางและหน้าวีซ่า ประมาณ 7 วันทำการ นับจากวันที่เข้าสัมภาษณ์
*โดยรวมแล้วขั้นตอนทั้งหมดจะให้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 8 เดือน ทั้งนี้ ณ สถานการณ์ปัจจุบันรวบรวมจากเคสจริงที่ยื่นในปี 2024 เคสจะได้รับอนุมัติเร็วขึ้นมากบางเคสอนุมัติใบคำร้องแรกภายใน 2 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานภายในของ USCIS
คำถามที่พบบ่อย
เราทำวีซ่าประเภทนี้บ่อยๆ เฉลี่ยเดือนละประมาณ 7-10 เคส และผู้สนใจหรือลูกค้าของเราก็จะมีข้อสงสัยหรือคำถามที่ถามเราบ่อยๆ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการทำวีซ่าประเภทนี้
- หากเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาแล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสภายใน 90 วัน จะต้องทำอย่างไร
- ผู้ที่ได้รับวีซ่าจะต้องเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกาก่อนที่วีซ่าจะหมดอายุ
- ถ้าระยะเวลาความสัมพันธ์ของผู้สมัครกับสปอนเซอร์ไม่ถึง 2 ปี จะสามารถยื่นขอวีซ่าคู่หมั้นได้ไหม
- สามารถยื่นขอวีซ่าได้ แต่ผู้สมัครและสปอนเซอร์จะต้องเคยเจอตัวจริงกันมาก่อนภายในระยะเวลา 2 ปีก่อนวันที่ยื่นคำร้องขอวีซ่า
- เคยถูกปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยวมาก่อนจะมีผลต่อการยื่นขอวีซ่าคู่หมั้นหรือไม่
- โดยส่วนมากแล้วประวัติการถูกปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยวไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาวีซ่าคู่หมั้น ผู้สมัครควรแจ้งประวัติการถูกปฏิเสธวีซ่าในใบสมัครวีซ่าชั่วคราว (DS-160) ตามจริง
- รายได้ของสปอนเซอร์ไม่ถึงเกณฑ์สามารถยื่นขอวีซ่าคู่หมั้นได้ไหม
- ในกรณีที่สปอนเซอร์มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำอาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่าได้ แต่ทั้งนี้สามารถยื่นเรื่องผ่านเอกสารรายได้ของผู้ที่จะช่วยเป็นสปอนเซอร์ร่วมได้
- มีความเสี่ยงใดบ้างที่อาจทำให้ถูกปฏิเสธวีซ่าคู่หมั้น
- ผลตรวจสุขภาพของผู้สมัครไม่ผ่านเกณฑ์
- ประวัติอาชญากรรม คดีความต่าง ๆ ของผู้สมัครและสปอนเซอร์
- ประวัติการทำงานผิดกฎหมายของผู้สมัคร
- รายได้ของสปอนเซอร์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ
- ไม่ได้สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความสัมพันธ์กันจริง
บริการรับทำวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา K1
หากคุณอ่านข้อมูลข้างต้น หรือหาอ่านเอาใน Internet แล้ว ก็ยังไม่เข้าใจ หรือไม่มั่นใจที่จะทำเอง ทางบาเบลของเราก็มีบริการรับทำวีซ่าคู่หมั้นอเมริกาหรือ K1 นะ และจริงๆแล้ว เราก็อยากดูแลคุณ เพราะหากคุณทำเองแบบผิดๆ เพราะขาดความรู้ หรือหลงประเด็นในสาระสำคัญ วีซ่าของคุณก็จะถูกปฎิเสธนั้นเอง นอกจากเสียเงินค่าธรรมเนียมไปแล้ว ที่สำคัญคุณก็จะเสียเวลาไปร่วมปีอีกด้วยนอกจากนี้ คุณอาจดูบริการรับทำวีซ่าของเราเพิ่มเติมได้ที่นี้นะ: บริการรับทำวีซ่าหากคุณมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เราระบุไว้ข้างต้น โอกาสที่คุณจะได้วีซ่านั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม การมีความรู้ในขั้นตอน วิธีการรวมถึงการเตรียมเอกสารที่สมบูรณ์ครบถ้วนจะทำให้การยื่นวีซ่าเป็นไปอย่างไร้ความกังวล อย่างไรก็ดี หากคุณขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งไปไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องถูกปฏิเสธวีซ่า เราแนะนำให้คุณติดต่อทางทีมงานเพื่อเล่าถึงปัญหาและข้อกังวลต่าง ๆ เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกันต่อไปบริการที่คุณจะได้รับจากทีมงานของเรามีดังนี้
- ช่วยประเมินความเป็นไปได้และปัจจัยเสี่ยงในการขอวีซ่าสำหรับลูกค้าแต่ละท่าน
- ให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน
- แจ้งรายการเอกสารที่จำเป็นสำหรับลูกค้าและสปอนเซอร์
- กรอกใบสมัครออนไลน์และใบสมัครอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- แปลและรับรองเอกสาร
- จัดเตรียมเอกสารทั้งของผู้สมัครและสปอนเซอร์
- ยื่นแพ็คเกจเอกสารไปที่ USCIS
- ยื่นเอกสารทางอีเมล์เพื่อทำนัดหมายสัมภาณ์กับสถานทูตสหรัฐอเมริกา
- ติดต่อช่วยเหลือในการขอใบรับรองความประพฤติจากกรมตำรวจ
- ทำนัดหมายกับทางโรงพยาบาลพร้อมดูแลลูกค้าในวันที่เข้าไปตรวจสุขภาพ
- เตรียมแนวคำถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์และฝึกซ้อมสัมภาษณ์
- คอยเช็คและอัพเดทผลให้กับทางผู้สมัคร
การขอวีซ่าคู่หมั้นนั้นมีหลายขั้นตอนและใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ณ ปัจจุบันประมาณ 8 เดือน ในบางกรณีที่เกิดความผิดพลาดในขั้นตอนของการเขียนคำร้องหรือยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน อาจทำให้ระยะเวลาพิจารณาที่ยาวนานอยู่แล้วต้องยืดเยื้อออกไปอีกได้ ดังนั้นการมีผู้ให้คำแนะนำและผู้ช่วยดูแลในทุกขั้นตอน จะทำให้การยื่นวีซ่าคู่หมั้นอเมริกาของคุณเป็นไปด้วยความราบรื่นและสบายใจ ทีมงานของบริษัท บาเบลวีซ่า แอนด์ ทรานสเลชั่น จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการทำวีซ่ามาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี เราพร้อมจะเป็นที่ปรึกษาและดูแลคุณอย่างดีในทุก ๆ ขั้นตอนของการทำวีซ่าและคุณสามารดูผลงานของเราบางส่วนได้ที่นี้นะ : ผลงานของเรา คุณสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าและบริการของเราได้ที่อีเมล์ info@bebel-translation.com หรือโทรมาที่เบอร์ 02-2583433
บทสรุป
หัวใจสำคัญของการขอวีซ่าคู่หมั้นอเมริกา (K1 Visa) คือเรื่องความสัมพันธ์ที่ต้องพิสูจน์ได้จริง เรื่องรายได้ของสปอนเซอร์ เรื่องประวัติอาชญากรรม และเรื่องสุขภาพของผู้สมัคร ถ้าคุณผ่านคุณสมบัติทั้งหมดนี้ได้ ถือว่าคุณมีชัยไปแล้วเกือบ 100% ส่วนที่เหลือคือเรื่องของการให้ข้อมูลหรือกรอกข้อมูลในใบสมัครต่างๆ ซึ่งรายละเอียดจะเยอะมาก มากกว่าวีซ่าท่องเที่ยวชั่วคราวหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้นต้องอ่านคำถามในใบสมัครให้ถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และสามารถตอบคำถามได้ตรงประเด็น ถูกต้อง ครบถ้วน ทั้งนี้ข้อมูลสำคัญใดๆที่ได้ลงไปในสมัครก็ควรยื่นเอกสารหลักฐานประกอบให้สอดคล้องกัน ข้อมูลที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คุณเข้าใจและเห็นภาพขั้นตอนการสมัครวีซ่าคู่หมั้นอเมริกามากขึ้น ถึงแม้จะมีความยาก ซับซ้อนหลายขั้นตอน และใช้เวลานาน แต่บอกได้เลยว่ามันคุ้มค่าสำหรับการรอคอย เพื่อคุณจะได้เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา
B1/B2
น้องเอริน
B1/B2
Khun Luk
K 1 Fiance
Khun Sea
K1 Visa
คุณฝ้าย
F1 วีซ่านักเรียน
คุณเสือ
B1/B2
Khun ต่าย